วันศุกร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ต้นไม้ตามราศี

ปลูกต้นไม้ตามราศีตามพลังธาตุ : ดิน, น้ำ, ลม, ไฟ

ธาตุดิน (มังกร, พฤษภ, กันย์ )
ราศีมังกร เบอร์ 1
ไม้มงคลที่ควรปลูกคือ
1.แก้ว
2.วาสนา
3.โป๊ยเซียน
4.กุหลาบ
ไม้เหล่านี้จะเสริมความร่ำรวย รุ่งเรือง ทำให้เกิดโชคลาภ วาสนา ให้กับตนเอง และลูกหลาน
และไม้มงคลเพื่อเสริมดวงชะตา คือ
1.ต้นไผ่ = ความอดทนความเป็นนักสู้
2. ราชพฤกษ์ หรือต้นคูณ = ความรุ่งเรือง
3.ต้นจำปี = ความร่มเย็น

ข้อแนะนำ : ห้ามปลูกตรงทางเข้าประตูรั้วด้านหน้า เพราะเป็นการทำให้ปากมังกรอับจน ควรจะปลูกด้านข้าง หรือ ด้านหลัง หรือบริเวณรอบๆ
*********************************************
ราศีพฤษภ เบอร์ 2ไม้
มงคลที่ปลูกคือ
1. ต้นโมก = ความสุขความบริสุทธิ์สดใส และคุ้มกันภัย
(ปลูกทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของบ้านและควรปลูกในวันเสาร์)
2. ต้นแก้ว = โชคลาภ คนในบ้านจะมีความดี มีคุณค่าสูง
(ควรปลูกทางทิศ ตะวันออกและควรปลูกในวันพุธ)
3. ส้มโอ = ความอุดมสมบูรณ์
*********************************************
ราศี กันย์ เบอร์ 3
ไม้มงคลคือ
1.สนฉัตร = มีเกียรติและความสง่า ได้รับความสนใจจากบุคคลทั่วไป
(ควรปลูกทางทิศเหนือและปลูกในวันเสาร์เพื่อเป็นศิริมงคล)
2.ต้นคูน(ราชพฤกษ์) = เสริมให้มีเกียรติ มีศักดิ์ศรีและบารมี
3.เฟื่องฟ้า = ความสดใส เบิกบาน มีชีวิตที่เฟื่องฟู
4.โป๊ยเซียน = นำมาซึ่งโชคลาภ
5.ขนุน = บ้านจะหนุนเนื่อง บุญบารมี เงินทอง จะมีคนเกื้อหนุน และอุดหนุนจุนเจือช่วยเหลือ
6.มะยม = คนจะได้นิยมชมชอบนับหน้าถือตา
*********************************************
ธาตุน้ำ (กรกฎ, พิจิก, มีน)
ราศีกรกฎ เบอร์ 1
ไม้มงคล
1. ต้นชมพู่ = ช่วยให้อุดมทรัพย์ มั่งมีเงินทอง
2. ต้นวาสนา = วาสนาสูงส่ง ทำให้ผู้ปลูกมีบุญ มีโชควาสนาที่ประเสริฐ เกิดความสุข สมหวัง
3. ต้นพลูด่าง = นำพามาซึ่งความร่มเย็น
4.เฟื่องฟ้า = ช่วยเสริมให้ชีวิตสดใสเบิกบาน
5.กล้วยไม้ = ให้โชคลาภ ดอกที่สวยงาม จะทำให้เกิดความประทับใจแก่ผู้พบเห็น และเชื่อว่าจะ ทำให้คนในบ้านมีจริยธรรม
*********************************************
ราศีพิจิก เบอร์ 2
ไม้มงคลคือ
1.พวงแสด = ชีวิตที่สว่างไสว
2.เฟื่องฟ้า = สดใสเบิกบาน
3.ว่านสี่ทิศ = ไม่ว่าจะเดินทางไปที่ต่างถิ่น ในทิศใดก็จะแคล้วคลาด ปลอดภัย และมีแต่ผู้ให้ความช่วยเหลือ4.ปาล์ม = รุ่งเรือง
5.เบญจมาศ = รุ่งเรืองมั่นคง
6.ขนุน = รุ่งเรืองมั่นคง บุญบารมี เงินทอง จะมีคนเกื้อหนุน และอุดหนุนจุนเจือ ขนุน *********************************************
ราศีมีน เบอร์ 3
ไม้มงคลคือ
1.เฟื่องฟ้า = เสริมความร่ำรวย ชีวิตที่รุ่งเรือง สดใสเบิกบาน
2. กล้วยไม้ = เสริมความร่ำรวย รุ่งเรือง และให้โชคลาภ ทำให้เกิดความประทับใจแก่บุคคลทั่วไป ทำให้คนในบ้านมีจริยธรรม
3.วาสนา = ทำให้ผู้ปลูกมีบุญ มีโชควาสนาที่ประเสริฐ เกิดความสุข สมหวัง
( ถ้าสามารถปลูกได้สวยงามและออกดอก เชื่อว่าจะทำให้มีโชคลาภ ปรารถนาสิ่งใดก็จะได้ดังหวัง)
4. โมก = ให้พลังอำนาจ
5.กล้วย = เสริมบารมีคุ้มครองบริวารและลูกหลาน
6.มะม่วง = เสริมบารมีคุ้มครองบริวารและลูกหลาน*********************************************
ธาตุลม (ตุลย์ , กุมภ์, เมถุน)
ราศีตุลย์ เบอร์ 1
ไม้มงคล คือ
1.ต้นโกสน = เสริมให้มีบุญบารมี ช่วยคุ้มครองให้อยู่เย็นเป็นสุข
2.หมากแดง = เสริมให้มีบุญบารมี ช่วยคุ้มครองให้อยู่เย็นเป็นสุข
3.ปาล์ม = เสริมให้มีบุญบารมี ช่วยคุ้มครองให้อยู่เย็นเป็นสุข
4.จำปี = จะทำให้ชีวิตสดใสการงานก้าวหน้าไปในทางที่ถูกที่ควร มีแต่ความรุ่งเรือง ปราศจากปัญหาใดๆ
5.จำปา = เพื่อให้มีแต่คนรัก
6.พลูด่าง= เสริมให้มีบุญบารมี ช่วยคุ้มครองให้อยู่เย็นเป็นสุข
7.เฟิร์นข้าหลวง = นำมาซึ่งชื่อเสียงเกียรติยศแก่ผู้ปลูก*********************************************
ราศีกุมภ์ เบอร์ 2
ไม้ที่ควรปลูกคือ
1.ต้นเข็ม = เสริมพลังความฉลาดเฉียบแหลม
2.เฟื้องฟ้า = สร้างคุณค่าของชีวิตให้สูงขึ้น แสดงถึงชีวิตที่สดใสเบิกบาน สว่าง รุ่งเรือง และความก้าวไกลแห่งชีวิต
3.บอนไซ = ความแข็งแกร่ง อดทน ปลูกบริเวณสวนหน้าบ้าน โรงงาน หรือร้านค้าของตน เพื่อเป็นศิริมงคลให้เกิดความมั่นคั่ง รุ่งเรือง และมีชีวิตที่ยืนยาว
*********************************************
ราศีเมถุน เบอร์ 3
ไม้มงคลคือ
1.ต้นกุหลาบ = จะเกิดความสง่าภาคภูมิ จะทำให้คนในบ้านมีคุณค่าแห่งชีวิตที่สูง
2.ต้นโป๊ยเซียน = เป็นไม้เสี่ยงทาย ถ้าปลูกออกดอกได้มากกว่า 8 ดอก ผู้ปลูกและคนในบ้านจะมีโชคลาภ และช่วยคุ้มครองให้อยู่เย็นเป็นสุข
3.ต้นโมก = จะทำให้เกิดความสุข ความบริสุทธิ์ และความสดใส
4.ต้นทับทิม = เพื่อให้เกิดความสงบร่มเย็นของชีวิต
5.ต้นเข็ม = ควรปลูกเป็นร่องตรงประตูบ้าน หรือสองฝากทางเข้าบ้านจะทำให้ชะตารุ่งเรือง อุปสรรคและปัญหาไม่กล้ำกลาย
*********************************************
ธาตุไฟ (เมษ,สิงห์,ธนู)
ราศีเมษ เบอร์ 1
ไม้มงคลคือ
1.ต้นมะยม = เพื่อให้คนนิยมชมชอบ พลังช่วยหนุนให้ชาวราศีเมษประสบความสำเร็จในชีวิต และในหน้าที่การงาน
2.ต้นมะขาม = เพื่อให้ผู้คนเกรงขาม ให้ความนับถือ พลังช่วยหนุนให้ชาวราศีเมษประสบความสำเร็จในชีวิต และในหน้าที่การงาน
3.ต้นเฟื่องฟ้า = เพื่อความร่ำรวย สว่างไสว และสดใสเบิกบาน
*********************************************
ราศีสิงห์ เบอร์ 2
ไม้มงคลคือ (ควรเป็นต้นไม้ให้ความร่มรื่น)
1.กล้วยไม้ = ดอกสวยของกล้วยไม้ย่อม เป็นที่ประทับใจแก่ผู้พบเห็น จึงถือเคล็ดที่ว่าการปลูกกล้วยไม้จะทำให้เกิดความประทับใจแก่บุคคลทั่วไป
2.ต้นกล้วย = อุดมสมบูรณ์
3.ต้นปาล์ม = มั่นคง
4.ต้นหมากแดง = ร่มเย็น
5.ต้นไทร = ร่มเย็น
6.ต้นโมก = ร่มเย็น
7.ขนุน = จะหนุนเนื่อง บุญบารมี เงินทอง มีคนเกื้อหนุน และอุดหนุนจุนเจือ
8.จำปี = ดอกสีขาวบริสุทธิ์มีกลิ่นหอม จะทำให้ชีวิตสดใสการงานก้าวหน้าไปในทางที่ถูกที่ควร มีแต่ความรุ่งเรือง ปราศจากปัญหาใดๆ
9.โป๊ยเซียน = เพื่อเสริมความร่ำรวย รุ่งเรือง เป็นไม้เสี่ยงทาย เชื่อว่าถ้าออกดอก 8 ดอกแล้วจะทำให้มีโชคลาภ
*********************************************
ราศีธนู เบอร์ 3
ไม้มงคล คือ
1.อ่างบัว = จะทำให้เกิดความบริสุทธิ์ เบิกบาน ทำให้คนในครอบครัวมีความห่วงใยผูกพันธ์กัน
2. เฟิร์นข้าหลวง = จะนำมาซึ่งชื่อเสียงเกียรติยศแก่ผู้ปลูก
3. แก้ว= ช่วยกระจายอุปสรรคปัญหาออกไปจากชีวิต
4.พลูด่าง = จะช่วยเสริมโชคลาภ ช่วยให้ชีวิตช่วงที่ตกต่ำกลับดีขึ้นมาก
6. โป๊ยเซียน = จะช่วยเสริมโชคลาภ ช่วยให้ชีวิตช่วงที่ตกต่ำกลับดีขึ้นมาก
7. โป๊ยเซียน = จะช่วยเสริมโชคลาภ ช่วยให้ชีวิตช่วงที่ตกต่ำกลับดีขึ้นมาก
8.ต้นลั่นทม = จะช่วยเสริมโชคลาภ ช่วยให้ชีวิตช่วงที่ตกต่ำกลับดีขึ้นมาก
9.ต้นแก้ว = จะช่วยเสริมโชคลาภ ช่วยให้ชีวิตช่วงที่ตกต่ำกลับดีขึ้นมาก *********************************************
อ้างอิง : http://www.propertyth.com/garden/doo.php?id=163

ไม้มงคล 9 ชนิด

ไม้มงคล 9 ชนิด
คนนิยมปลูกไม้เหล่านี้เพื่อความเป็นศิริมงคล และนำไม้เหล่านี้มาผลิตเป็น "ธูปกำยาน " มีกลิ่นหอม จุดเพื่อบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เสริมฮวงจุ้ย สภาพคล่องด้านการเงิน การงาน การค้า โดยส่วนมากจะผลิตเป็นรูปปลา 3 กษัตริย์ และรูปกรวยไม้

ไม้มงคลทั้ง 9 ชนิด ประกอบด้วย
1. ไม้สัก (เงินทอง)
ที่มา : http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/889/8889/images/bigteak2.jpg


2. ไม้ทองหลาง (บารมี)




3. ไม้ราชพฤกษ์ หรือต้นคูณ (อยู่เย็นเป็นสุข)



4. ไม้ชัยพฤกษ์ (อยู่เย็นเป็นสุข)


5.ไม้ไผ่สีสุก (สุขสงบ)



6. ไม้ขนุน (มีคนอุปถัมป์)



7. ไม้พยุง (มีคนค้ำจุน พยุงไม่ให้ธุรกิจล้ม)





8. ไม้ทรงบาดาล (ทรงยศ)

ที่มา: http://www.mahamodo.com/tamnai/tamnai_miscellaneous/images/tree9_songbadan.jpg

9. ไม้กันเกรา (เสริมสิ่งดี ๆ )
ที่มา : http://www.thaimtb.com/webboard/98/49307-33.jpg

วันศุกร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

รูปและชื่อของต้นไม้

*ต้นกล้า ต้นละ 5 บาท

1. ผมทอง


(ไม่รู้ว่าหน้าตาเป็นอย่างไร หาไม่เจอเลย)

2. พยอม

ปกาโปเปียล หรือ ดอกพยอม ที่ออกดอกชูช่อเป็นพวงพู่ระย้าขาวสวยงาม ยืนต้นสูงใกลพื้นดินมาก ออกดอกในช่วงประมาณปลายเดือนมกราคม -มีนาคม ดอกพยอมจะบานสะพรั่งขาวไปทั้งพุ่มบนต้นสวยงาม และส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ชาวเขมรในบางพื้นที่อีสานใต้ของไทยนิยมนำดอกไม้ดังกล่าวมาประดับปะรำพิธี ปัญโจลมม็วต (พิธีการเข้าทรงเเม่มด)

(ที่มา : http://www.oknation.net/blog/yongyoot/2008/06/01/entry-1)


3. มะฮอกกานี


ที่มา http://www.bloggang.com/data/patunga/picture/1104075269.jpg

4. คูณ หรือ ชื่อทางการคือ ต้นราชพฤกษ์ (1 ใน 9 ของไม้มงคล)

ที่มา: http://www.bloggang.com/data/hotpink/picture/1174633776.jpg

5. แคนา

ที่มา : http://www.treenonsee.th.gs/web-t/reenonsee/carena.jpg


6.ปีบขาว + ปีบทอง


ปีบขาว

ที่มา : http://www.jatujakshop.com/shop/photo_product/shop829.jpg

ปีบทอง

ที่มา: http://gotoknow.org/file/khajitfoythong/peep2.jpg

7. ต้นตีนเป็ด

ที่มา : http://www4.pantown.com/data/5050/board13/367-20070829121649.jpg


8. มะยม



9. ชมพูพันทิพย์

ที่มา: http://eng2512.nisitchula.com/forum/uploads/Guest/suwit_411.jpg



10. สะเดา และ สะเดาเทียม

สะเดา

ที่มา :http://203.172.208.242/tatalad/subject/SARA/BOOK18/b18p171b.jpg

สะเดาเทียม

ที่มา : http://www.joenet.th.gs/web-j/oenet/t12.jpg

11. ขี้เหล็ก

ที่มา: http://www.paradiseland.th.gs/web-p/aradiseland/image/ต้นขี้เหล็กบ้าน.jpg


12. หูกระจง


ที่มา:http://www.thaimtb.com/webboard/474/237268-56.jpg
13. ลำดวน


ดอกลำดวน หรือ ปการันดูล หรือ รันนูล เป็นดอกไม้ที่มีค่า ทั้งความงามและความหอม ความงามของกลีบดอกที่เเข็งแรง ทนทานต่อสภาพแวดล้อม แม้จะพลิดอกในช่วงฤดูร้อน แต่ ความหอมและความงามต่างเป็นที่หมายปองของคนทั่วไปที่ต้องการจะเด็ดมาเป็นเจ้าของ

(ที่มา : http://www.oknation.net/blog/yongyoot/2008/06/01/entry-1)

14. กันเกรา


ที่มา: http://www.bloggang.com/data/makmaithai/picture/1193622135.jpg
**********************************************
16. ประดู่กิ่งอ่อน



ที่มา: http://www.thaimtb.com/webboard/322/161300-28.jpg17. กฤษณาพันธุ์เขาใหญ่



18. ยางนา



ที่มา: http://mail.vcharkarn.com/uploads/68/68849.jpg

19. พยุง (1 ใน 9 ของไม้มงคล)

ที่มา: http://i63.photobucket.com/albums/h123/dtreesak/Home%20Garden%2027-05-06/2006_05280065-rzd.jpg

20. ประดู่แดง

ที่มา: http://moosee.nmpp.go.th/web/admin/picture/Praduudxxng1.jpg
21. มะรุม
พืชมหัสจรรย์ (คุณค่าทางอาหาร)
-มีวิตามิน A บำรุงสายตามากกว่าแครอต 3 เท่า
-มีวิตามิน C ช่วยป้องกันหวัด 7 เท่าของส้ม
-มีแคลเซียมบำรุงกระดูกเกิน 3 เท่าของนมสด
-มีโพแทสเซียมบำรุงสมองและระบบประสาท 3 เท่าของกล้วย
-มีใยอาหารและพลังงานไม่สูงมากเหมาะกับผู้ที่ควบคุมน้ำหนัก

ที่มา: http://hilight.kapook.com/view/28135

22. มะตูม


ที่มา: http://www.bloggang.com/data/mamchan/picture/1218003039.jpg

23. มะขาม

ที่มา: http://www.udvc.ac.th/udvc22/rakan1/image/in/14._resize.JPG
24. กระทิง ที่มา: http://relax.thaiorchid-club.com/data/3/pic/1200.jpg


25. มะม่วง 3 ฤดู



ที่มา: http://www.doae.go.th/library/html/detail/mango4/m3.gif

วันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ไม้เศรษฐกิจ

ไม้เศรษฐกิจเพื่อการปลูกเชิงพาณิชย์

ขอแนะนำไม้เศรษฐกิจที่น่าสนใจ เป็นไม้ใหญ่ ที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูง
ได้แก่ ไม้สัก กับไม้ตะกู ซึ่งไม้ทั้ง 2 ชนิดนี้มีคุณสมบัติพิเศษคือ ปลวกและมอดไม่กินเนื้อไม้ ซึ่งไม้ตะกูจะมีคุณภาพเนื้อไม้ใกล้เคียงกับไม้สัก แต่ใช้ระยะเวลาในการปลูกสั้นกว่า (ระยะเวลาพอ ๆ กับไม้ยูคาลิปตัส)
แต่โดยภาพรวมแล้วไม้ทั้ง 2 ชนิดนี้จะใช้เวลาในการปลูกนานกว่าไม้ชนิดอื่น ๆ


ไม้สักทอง (สายพันธุ์โตเร็ว)

ระยะเวลาปลูก 15-20 ปี


ไม้สัก (Teak) มีถิ่นกำเนิดอยู่ในตอนใต้ของประเทศอินเดีย พม่า ไทย อินโดนีเซีย และหมู่เกาะอินเดียตะวันออก เป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ ชอบขึ้นตามพื้นที่ที่เป็นภูเขา แต่ในพื้นที่ราบที่น้ำไม่ขังไม้สักก็ขึ้นได้ดีเช่นเดียวกัน ในพื้นที่ที่เป็นดินปนทรายแต่น้ำไม่ขัง ไม้สักมักขึ้นเป็นหมู่ไม้สักล้วน ๆ และมีไม้ขนาดใหญ่ ชอบพื้นที่ที่มีชั้นดินลึก การระบายน้ำดี ไม่ชอบดินแข็งและน้ำท่วมขัง แต่ความเจริญงอกงามของไม้สักขึ้นอยู่กับความลึก การระบายน้ำ ความชื้น และความอุดมสมบูรณ์ ของดินนั้น ๆ โดยเฉพาะในดินที่เกิดจากหินปูนซึ่งแตกแยกผุผังจนกลายเป็นดินร่วนที่ลึก ไม้สักชอบมากและเจริญเติบโตดีมาก ไม้สักชอบดินที่มีความเป็นกลางและด่างเล็กน้อย ค่า pH ระหว่าง 6.5-7.5 ปริมาณน้ำฝน ระหว่าง 1,200-2,000 มม. ต่อปี ความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางไม่เกิน 700 เมตร และมีฤดูแล้งแยกจากฤดูฝนชัดเจนจะทำให้ไม้สักมีลวดลายสวยงาม
  • คุณลักษณะของไม้สัก
ไม้สัก เป็นต้นไม้ผลัดใบ ขนาดใหญ่มีลำต้นเปลา มักมีพูพอน ตอนโคนต้นเรือนยอดกลม สูงเกินกว่า 20 เมตร เปลือก หนา 0.30-1.70 ซม. สีเทา หรือสีน้ำตาลอ่อนแกมเทา แตกเป็นร่องตื้น ๆ ไปตามทางยาวและหลุดออกเป็นแผ่นบาง ๆ เล็ก ๆ ใบ ใหญ่ ความกว้าง 25-30 ซม. ความยาว 30-40 ซม. รูปใบรีมน หรือรูปไข่กลับ แตกจากกิ่งเป็นคู่ ๆ ท้องใบสากหลังใบสีเขียว แกมเทา เป็นขน ดอก เล็กสีขาวนวล ออกเป็นช่อใหญ่ ๆ ตามปลายกิ่งเริ่มออกดอกเดือน มิถุนายน เป็นต้น ผล ค่อนข้างกลม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1-2 ซม. ผลหนึ่ง ๆ มีเมล็ดใน 1-4 เมล็ด เปลือกแข็งมีขนสั้น ๆ นุ่ม ๆสีน้ำตาล หุ้มอยู่ ผลแก่ในราวเดือน พฤศจิกายน-มกราคม ลักษณะเนื้อไม้ สีเหลืองทอง ถึงสีน้ำตาลแก่ มีลายเป็นเส้นสีน้ำตาลแก่แทรก เสี้ยนตรง เนื้อหยาบ แข็งปานกลาง


  • ราคารับซื้อไม้สัก
ขนาดเส้นรอบวง 40-44 ซม ราคา 2600 บาท
รอบวง 45-49 ซม ราคา 2,800 บาท
รอบวง 50-54 ซม ราคา3,500 บาท
รอบวง 55-59 ซม ราคา 3,900 บาท
รอบวง 60-64 ซม ราคา 4,500 บาท
รอบวง 65-69 ซม ราคา 5,200 บาท
รอบวง 70-74 ซม ราคา 6,500 บาท
รอบวง 75-79 ซม ราคา 7,000 บาท

ปลูกไม้เวลา 20 ปี มีมูลค่าได้ถึงต้นละ 1 แสนบาทเชียว







****************************************************

ไม้ตะกู (สายพันธุ์ก้านแดง)
ระยะเวลาปลูก 5 ปี


ต้นตะกู หรือ ตุ้มหลวง ตุ้มเนี่ยง ตุ้มพราย ทุ่มพราย กระทุ่มบก ต้นตะกูเป็นไม้ขนาดใหญ่ สูง 15 – 30 เมตร กิ่งออกเกือบตั้งฉากกับลำต้น แผ่นใบเกลี้ยงหรือมีขนนุ่มสั้นอยู่ด้านล่าง หูเป็นรูปสามเหลี่ยม ดอกสีเหลืองอ่อน มีกลิ่นหอม ออกเป็นช่อกระจุกแน่น กลม ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 4 – 5 ซ.ม.ก้านช่อยาว 3 – 4 ซ.ม. ดอกเล็กอัดกันแน่น กลีบเลี้ยงเป็นหลอดสั้น กลีบดอกสีเหลืองเชื่อมกันเป็นหลอดยาวรูปดอกเข้ม ผลเป็นกระจุกเปลี่ยนเป็นสีเหลืองและสีน้ำตาลเมื่อแก่ ขึ้นตามป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้ง ป่าดิบชื้น ตามหุบเขาหรือริมลำธาร

ต้นตะกูอาจจะไม่คุ้นหู เพราะใกล้สูญพันธ์ในประเทศไทยแล้ว

  • คุณลักษณะของตะกู
ต้นตะกูยังมีคุณสมบัติพิเศษ คือ ทนต่อความแห้งแล้ง ปลูกง่าย โตเร็ว เพียงแต่ช่วง 1 – 3 เดือนต้องรดน้ำอย่างสม่ำเสมอ ต้นตะกูเริ่มมีการปลูกบ้างแล้วในหลายพื้นที่ และน่าจะเป็นพืชเศรษฐกิจชนิดใหม่ที่สามารถทำรายได้ให้แก่เกษตรกร หรือนักลงทุน ได้ไม่น้อยกว่า ไม้สัก ยางพารา หรือยูคาลิปตัส


  • ราคารับซื้อไม้ตะกู
ต้นตะกูไม่มีอัตราเสี่ยงยิ่งปลูกนานยิ่งราคาสูง
ตะกูมีเนื้อไม้ 2.5 คิว ปัจจุบันราคาไม้ คิวละ 2,500 บาท
ไม้ตะกูมีความหนาแน่นของเนื้อไม้อยู่ที่ 0.5 และไม้สักทองมีเนื้อไม้อยู่ที่ 0.56 ซึ่งใกล้เคียงกันมาก
สีเนื้อไม้ก็ใกล้เคียงกัน ประโยชน์ของต้นตะกู คือ นำไปทำเฟอร์นิเจอร์ได้ทุกชนิด ทำไม้กระดาน เสาบ้าน ประตู หน้าต่าง วงกบ ทำเรือขุด เพราะว่าต้นไม้มีขนาดใหญ่ มีเนื้อไม้ที่ละเอียด มีน้ำหนักเบากว่าไม้ประดู่หรือไม้มะค่า น้ำหนักใกล้เคียงกับไม้สักและนำไปทำกลอง ด้ามปืน




ตะกูจะมีกลิ่นธรรมชาติที่ปลวกและมอดไม่ชอบ หากมีอายุ 2 ปีขึ้นไปจะทนต่อสภาวะน้ำท่วมและโดนไฟป่าไม่ตาย ต้นตะกูจะปลูกด้วยกล้าพันธุ์ สูงประมาณ 6-12 นิ้ว ขุดหลุมกว้าง 30 x 30 ซม. หากเป็นพื้นที่ลูกรังควรขุดหลุมกว้างกว่าปกติ 40 x 40 เซนติเมตร ควรขุดหลุมตากแดดทิ้งไว้เพื่อฆ่าเชื้อ ควรใส่ปุ๋ยรองก้นหลุม เช่น ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยชีวภาพคลุกกับดิน (ห้ามใช้ปุ๋ยเคมี) ระยะเริ่มปลูกถึง 2 เดือน ควรดูแลรดน้ำอย่างสม่ำเสมอและอยู่ในคำแนะนำของเรา เพราะจะทำให้ต้นกล้าไม่ชะงักการเจริญเติบโต พอต้นไม้อายุประมาณ 5 เดือน สูงประมาณ 5 เมตร





ราคาของต้นกล้า

ราคาต้นกล้าของไม้ 2 ประเภทจะอยู่ระหว่าง 3-5 บาท ขนาดและความสูงของต้นกล้า มีผลต่อราคา
และต้นกล้าของไม้ตะกู ราคามักจะสูงกว่าต้นสัก อาจจะประมาณ 25-35 บาท (ถ้ามีความสูงหลายฟุต)



ฤดูในการปลูก

การปลูกไม้สักและไม้ตะกูนั้นให้ปลูกในต้นฤดูฝน